ทบ.สนับสนุนศูนย์อำนวยการแก้ไฟป่าหมอกควันภาคเหนือ ทั้งแบบเฉพาะหน้าและยั่งยืน เน้นลดเชื้อเพลิงแปลงเป็นรายได้ชุมชน ควบคู่การมีส่วนร่วม

 

กองทัพบกนำสื่อมวลชนรับทราบสถานการณ์การป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือ ที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งปัจจุบัน กองทัพภาคที่ ๓โดยศูนย์อำนวยการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละอองภาคเหนือใน ๑๗ จังหวัด (ศอ.ปกป.ภาค ๓)โดยบูรณาการร่วมกับกรมควบคุมมลพิษ, GISTDA, กรมฝนหลวงและการบินเกษตร, กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, กองทัพอากาศ, กรมอุทยานแห่งชาติ, กรมป่าไม้และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการมาตั้งแต่ ๑ ธ.ค. ๖๕ ที่ผ่านมา โดยกองทัพภาคที่ ๓ สนับสนุนกำลังทหารลาดตระเวนป้องปรามการเผาและประชาสัมพันธ์รณรงค์เชิงรุกสร้างการรับรู้ลดการเผา, สร้างการมีส่วนร่วมให้ประชาชนแจ้งข้อมูลข่าวสารแจ้งเหตุไฟไหม้, สนับสนุนชุดปฏิบัติการดับไฟป่าในพื้นที่รับผิดชอบ และใช้ศักยภาพของศูนย์การบินทหารบกสนับสนุนนักบินและเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงทั่วไปแบบ MI-17 เข้าดับไฟป่าในพื้นที่ที่เข้าถึงยากลำบาก

 

ทั้งนี้ ศอ.ปกป.ภาค ๓ ได้ดำเนินการทั้งเรื่องการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเมื่อเกิดไฟป่าและหมวกควัน ควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน โดยจัดทำเป็นโมเดลในระดับจังหวัด ระดับภาค และขยายสู่ระดับประเทศ โดยมีโครงการนำร่อง "ตื่น ฟื้น คืนชีวิตสัมพันธ์" ขับเคลื่อนการแก้ไขไฟป่าและหมอกควันอย่างยั่งยืน เน้นการลดเชื้อเพลิงในพื้นที่ด้วยการรับซื้อวัสดุทางการเกษตรที่เป็นเชื้อเพลิง แล้วนำไปผลิตหรือเพิ่มมูลค่า เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชน ซึ่งแนวทางดังกล่าวกำลังดำเนินการอยู่ในพื้นที่ ๖ จังหวัดนำร่อง

 

ทั้งนี้ พลเอก ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนกำลังพล ยุทโธปกรณ์และศักยภาพของกองทัพบกอย่างเต็มความสามารถ ซึ่งการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสร้างการรับรู้และความร่วมมือของประชาชนในพื้นที่ การสื่อสารให้ประชาชนรับทราบในทุกช่องทาง และสร้างการมีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อม

สำหรับในห้วงที่ผ่านมา (๑ ธ.ค. ๖๕ - ๑๘ มี.ค. ๖๖) ศอ.ปกป.ภาค ๓ได้จัดชุดปฏิบัติการดับไฟป่าภาคพื้นจากทุกมณฑลทหารบกในพื้นที่ภาคเหนือ ควบคู่กับการใช้ Mi-17 สนับสนุนการดับไฟจำนวน ๑๖ เที่ยวบิน, ประชุมประสานงานร่วมกับส่วนราชการและชุมชน ๔๙ ครั้ง, ลาดตระเวนเฝ้าระวังและดับไฟป่า ๑๒ ครั้ง นอกจากนี้ได้ร่วมกับ กอ.รมน.จังหวัดปฏิบัติร่วมกับส่วนราชการใน ๑๗ จังหวัดภาคเหนือ ได้แก่ จัดชุดปฏิบัติการเข้าควบคุมไฟป่าและไฟไหม้ ๓๕๔ ครั้ง, ลาดตระเวนป้องปราม ๑๙๒ ครั้ง, ทำแนวกันไฟ ๘๑ ครั้ง, จัดชุดรณรงค์สร้างการรับรู้ป้องกันไฟป่า ๕๖ ครั้ง, สร้างฝายชะลอน้ำ ๔ ครั้ง ส่วนปัญหาฝุ่นละออง PM ๒.๕ ในพื้นที่เสี่ยงนั้น ได้ร่วมกับส่วนราชการของจังหวัดฉีดพ่นละอองน้ำ เพิ่มความชุ่มชื้นพื้นที่สีเขียวและลดการสะสมของฝุ่นละอองขนาดเล็กในพื้นที่สาธารณะ อาทิ เส้นทางจราจรสายหลัก ชุมชน ตลาด วัด โรงเรียน เป็นต้น

.........................................................

๒๓ มีนาคม ๒๕๖๖